มีรายงานว่า Apple ลดการผลิต iPhone SE 3 (2022) และ AirPods ลง

click fraud protection

มีรายงานว่า Apple กำลังลดการผลิต AirPods และ iPhone SE 3 ใหม่ (2022) เนื่องจากความต้องการที่ต่ำกว่าที่คาดไว้

Apple เพิ่งเริ่มขายเครื่องใหม่ iPhone SE รุ่นที่สามซึ่งบรรจุชิปเซ็ต Apple A15 Bionic แบบเดียวกับจากซีรีส์ iPhone 13 มาเป็นสมาร์ทโฟนราคา 430 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า Apple กำลังลดการผลิตโทรศัพท์รุ่นใหม่ และบริษัทจะขาย AirPods น้อยลงกว่าที่วางแผนไว้ในปีนี้

นิเคอิ เอเชีย มีการรายงานว่า Apple วางแผนที่จะผลิต iPhone SE น้อยลงประมาณ 20% ในไตรมาสหน้าจากที่วางแผนไว้เดิม ตามแหล่งข่าวที่บรรยายสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้ - รวมประมาณ 2-3 ล้านเครื่อง มีรายงานว่า Apple ได้ลดคำสั่งซื้อ AirPods ในปี 2022 ลงมากกว่า 10 ล้านเครื่อง ใบสั่งผลิตที่ลดลงสำหรับอุปกรณ์เหล่านั้นเกิดจากความต้องการที่ลดลงจากผู้ซื้อ แต่สาเหตุของความต้องการที่ลดลงนั้นน่าจะเกิดจากปัจจัยหลายอย่างผสมกัน สหรัฐ อัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์แตะระดับสูงสุดในรอบสี่ทศวรรษซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตลอดเดือนมีนาคมและน่าจะส่งผลให้หลายคนชะลอการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่

Apple น่าจะกำลังเผชิญกับปัญหาด้านอุปทานเช่นกัน โดยยูเครนและรัสเซียต่างส่งออกกันในระดับสูง ปริมาณนิกเกิล แพลทินัม โรเดียม และไทเทเนียม ซึ่งมีความสำคัญต่อสารกึ่งตัวนำ การผลิต. การส่งออกทั่วโลกของรัสเซียถูกจำกัดเนื่องจากการคว่ำบาตรจากการรุกรานยูเครนอย่างต่อเนื่อง และยูเครน (เป็นที่เข้าใจได้) มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการรักษาการค้าในขณะที่กำลังถูกรุกราน

อาจเป็นไปได้ว่า iPhone SE รุ่นที่สามไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ Apple คาดหวังไว้ รุ่นใหม่เป็นแพ็คเกจที่น่าประทับใจในราคา $430 ตามที่เราระบุไว้ในการตรวจสอบของเราแต่การขึ้นราคา 30 ดอลลาร์จากรุ่นก่อนและดีไซน์รุ่นเก่าๆ ถือเป็นข้อเสียที่ชัดเจนสำหรับคนส่วนใหญ่

สงครามในยูเครนได้ก่อให้เกิดผลกระทบอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี บริษัทบางแห่งได้ยุติการดำเนินงานในรัสเซียด้วยความตั้งใจของตนเอง ในขณะที่บริษัทอื่นๆ ได้เดินทางออกหรือออกจากประเทศบางส่วนเนื่องจากข้อจำกัดของธนาคารทั่วโลก กูเกิล, แอปเปิล, ไมโครซอฟต์และบริษัทอื่นๆ ได้จำกัดการดำเนินงานในรัสเซียในช่วงเดือนที่ผ่านมา

หมายเหตุ: ผู้เขียนบทความนี้เป็นเจ้าของหุ้นใน Apple ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อความคิดเห็นหรือข้อเท็จจริงที่ระบุไว้ในที่นี้

แหล่งที่มา:นิเคอิ เอเชีย

ทาง:สำนักข่าวรอยเตอร์